สร้างเสน่ห์ให้กับตนเอง
skupload :: Cafe เรื่องทั่วไป อยากเล่าอยากบอกอะไร ได้ที่นี่ :: ความรัก ทิป เรื่องโชคดี เรื่องเล่า อะไรสนุกๆ ที่นี่
เธซเธเนเธฒ 1 เธเธฒเธ 1
สร้างเสน่ห์ให้กับตนเอง
สร้างเสน่ห์ให้กับตนเอง
ใครอยากเป็นคนแพ้บ้าง?
คงไม่มีใครอยากเป็นคนแพ้หรอกครับ ทุกคนอยากเป็นคนชนะ หลักง่าย ๆ ที่ผมอยากแนะนำก็คือ ถ้าอยากจะสร้างเสน่ห์ให้กับตนเองให้เห็นผลทันตาแล้ว ก็ให้สร้างความสัมพันธ์กับมนุษย์โดยที่ควรรู้จักวิธีการ แพ้ให้เป็น ให้เขาเป็นฝ่ายรู้สึกว่าเขาได้ชนะได้ บ้าง
การแพ้ให้เป็นนั้นไม่ใช่การยอมแพ้อย่างราบคาบ ซึ่งแทนที่เขาจะชอบเราเขาอาจจะสมเพชไปเลยก็ได้ และก็ไม่ใช่การเสแสร้างแพ้ด้วย เพราะเขาจะดูออกและจะกลายเป็นความรู้สึกว่าถูกหลอกลวง แต่การแพ้ให้เป็นนั้น เป็นลักษณะของการที่เราจะต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งมีความรู้สึกชนะได้บ้าง เกิดความประทับใจในความชนะของเขานั้นซึ่งมาจากความสามารถของเขา แต่เราเป็นฝ่ายค้นพบและหยิบยกออกมาให้มองเห็นประจักษ์ต่างหากเล่า เรียกว่าเขาจะรู้สึกว่า คุณเป็นคนมีรสนิยม มีค่า มีความหมายแก่เขาที่ทำให้เขาเกิดความรู้สึกมีความหมายขึ้นมามากขึ้น แล้วเขาจะไม่ชอบคุณก็ให้รู้ไป
ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจศึกษาธรรมชาติและความต้องการของมนุษย์ทั่ว ๆ ไป และความต้องการของบุคคลที่คุณอยากจะสร้างความสัมพันธ์ด้วย และคุณจะต้อง ให้ ความต้องการเหล่านั้นแก่เขาด้วยความเต็มใจ
แน่ละครับ...ความต้องการนั้นคงจะไม่ใช่เงินหรือวัตถุซึ่งเป็นความต้องการทางด้านร่างกายหรอก ซึ่งให้เท่าไรก็ไม่เคยพอ
แต่ถ้าหากเป็นความต้องการทางด้านจิตใจนี่ซิครับเราไม่สามารถจะใช้เงินซื้อ ได้ ฉะนั้นคุณต้องสนใจที่จะให้ความต้องการทางด้านจิตใจแก่คนที่คุณอยากสัมพันธ์ด้วยนะครับ นั่นคือลักษณะการ ยอมแพ้ให้เป็น ครับ
สิ่งที่ควรสนใจใคร่รู้เกี่ยวกับการสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่น
คุณควรรู้ไว้เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในทางสร้างสรรค์นะครับ...คงเป็นประโยชน์แน่ๆ
1. ต้องรู้จักความแตกต่างของมนุษย์ และยอมรับความแตกต่างของมนุษย์เหล่านั้นให้ได้ จะได้เกิดความรู้ระวังตัวว่าเรากำลังจะสร้างความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นที่มีความแตกต่างกันไปแต่ละคณะ และแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันและก็จะ...ไม่เหมือนกับเราเองด้วย เราจะได้เกิดความคล่องตัวในการจะปรับตัวให้เข้ากับบุคคลต่าง ๆ โดยไม่ยึดว่า เขาน่าจะเป็นอย่างนี้ หรือ ทำไมเขาไม่เป็นอย่างนั้น ซึ่งคำตอบก็คือว่า...เป็นเพราะเขาไม่เหมือนกันนะซิครับ
ปัจจัยที่ทำให้คนมีความแตกต่างกันนั้นมีได้ตั้งแต่
ก. เพศ ชายและหญิงจะคิดไม่เหมือนกัน ชอบไม่เหมือนกัน ฝ่ายชายชอบความตื่นเต้น เป็นฝ่ายเสาะแสวงหาของรัก ฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายรักและใฝ่เก็บงำของรัก ลีลาของชีวิตในชายและหญิงจึงแตกต่างกัน
ข. วัย แต่ละวัยก็มีความต้องการแตกต่างกันไป ในวัยเด็กต้องการเล่นสนุก , ในวัยรุ่นต้องการเด่น , ดัง , ในวัยหนุ่มสาวต้องการความก้าวหน้าในชีวิต , ในวัยผู้ใหญ่ต้องการความมั่นคง และ ชื่อเสียงมากขึ้นและในวัยชรานั้นอยากจะอยู่กับความหลัง ฯลฯ ถ้าเรารู้อย่างนี้เสียเราก็จะได้ให้ในสิ่งที่มนุษย์ตามวัยนั้นต้องการได้ จะให้เด็กมาเรียบร้อยแบบผู้ใหญ่ เขาทำไม่ได้หรอกครับและเขาจะไม่ชอบทันทีเพราะเขาไม่ได้ในสิ่งที่เขาอยากได้
ค. การศึกษา ที่ต่างกัน ทำให้คนมีแนวความคิดแตกต่างกันได้ พวกเรียนสูง ๆ อาจคิดอะไร ๆ ที่เป็นนามธรรมได้ลึกซึ้งก็ได้
ง. เศรษฐกิจ ความรวมความจนคนรวยอาจจะมีโอกาสได้สัมผัสบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมแปลก ๆ ได้มากกว่า ได้เดินทางไกล ๆ อาจมีประสบการณ์ชีวิตที่กว้างกว่า
จ. ถิ่นกำเนิด , สิ่งแวดล้อม มีอิทธิพลมาก
ฉ. เชื้อชาติ , ภาษา ก่อให้เกิดความคิด ความเข้าใจที่แตกต่างกันได้มาก
ถ้าเราคอยสังเกต ปัจจัยที่ทำให้คนแตกต่างกันนี้ เราก็จะยอมรับได้ว่า คนทุกคนแตกต่างกันในแทบจะทุกรูปแบบ ตั้งแต่อารมณ์ ความคิด ความถนัด พฤติกรรม ความสามารถ ทัศนคติ รสนิยม สังคม นิสัย สุขภาพ ร่างกาย สุขภาพจิต ลักษณะท่าทาง ฯลฯ
2. ต้องรู้จักความต้องการของมนุษย์ โดยเฉพาะในความต้องการทางด้านจิตใจ เพื่อเราจะได้ให้ในสิ่งที่เขาต้องการนั้นอย่างถูกต้อง เกิดเป็นความพึงพอใจแก่เขา ที่เราสามารถทำให้เขาประจักษ์แก่ตัวเองว่าได้รับในสิ่งที่อยากได้โดยคุณ...ด้วยความเต็มใจ (ไม่ใช่คิดว่าคุณเองก็อยากได้ เขาน่าจะให้คุณก่อน ถ้าคิดอย่างนั้นก็ต้องคอยนานครับ)
ความต้องการเหล่านั้นน่าจะได้แก่
ก. ความอยากเป็นคนถูกต้อง เราต้องให้ความถูกต้องแก่คนอื่น อย่าคอยจับผิด เขาใส่เสื้อใหม่มาก็อย่าคอยบอกว่าสั้นไป หรือยาวไป หรือไปยืมเงินของใครมาซื้อหรือเปล่า จึงเท่ากับคอยจับผิดเขา ให้กล่าวเฉพาะในสิ่งที่ถูกต้องในตัวเขาก่อน ทุกวันนี้เราชินกับการพูดจาจับผิดคนอื่นอยู่เรื่อย ๆ นะครับระวังให้ดี!
ข. ความอยากเป็นคนสำคัญ ใคร ๆ ก็อยากเป็นคนสำคัญ เวลาถ่ายรูปหมู่เรายังอยากดูรูปเราก่อนเพื่อนเลยครับ...จริงไหม? ฉะนั้นจงหาโอกาส ชมคนให้เป็น เพื่อให้เขาเกิดความรู้สึกว่าเขาเป็นคนสำคัญ
ค. ความอยากถูกระลึกถึง จงกล่าวคำบางคำหรือกระทำบางอย่าง เพื่อแสดงว่าคุณระลึกถึงเขา การส่งการ์ดในโอกาสสำคัญ ๆ ของชีวิตของเขาการระลึกถึงบุคคลที่เขารัก ฯลฯ จะทำให้เขารู้สึกว่าเขาถูกระลึกถึงและจะขอบคุณ คุณด้วย
ง. ความอยากได้อิสรภาพ จงให้อิสรภาพในการพูดคุยกัน อย่าซักมากในเรื่องใกล้ ๆ ตัว หรือสิ่งที่เขาอึดอัดไม่อยากบอก
จ. ความอยากได้รับความประทับใจ จงให้โอกาสเขาได้แสดงความเด่นบ้าง สนใจเวลาเขาพูด พยักหน้าเห็นด้วย กล่าวคำอุทานบางคำเพื่อให้เขารู้สึกว่าเขากำลังทำหรือพูดในสิ่งที่ดี ที่ถูก เขาจะประทับใจในการที่คุณให้เขาได้มีโอกาสสร้างความประทับใจครับ
ฉ. ความอยากสนุก เวลาพูดคุยอย่าคุยเรื่องทุกข์ หาเรื่องสนุก ๆ หรือใส่อารมณ์ขันลงไปในการพูดคุยด้วย และอารมณ์ขันนั้นต้องไม่สกปรกนะครับ
ช. ความอยากปลอดภัย จงช่วยเมื่อเขามีทุกข์ อย่าซ้ำเติมคนอื่น จงร่วมทุกข์กับเขาถ้ามีโอกาส
ซ. ความอยากเอาชนะอุปสรรค จงให้กำลังใจคนบ้าง โดยเฉพาะกับคนที่กำลังผิดหวัง
3. มีความปรารถนาดี ต่อบุคคลทั่ว ๆ ไป ต้องหัดเอาไว้นะครับ หัดมองคนให้ดี ให้คิดว่า เราก็เป็นคนดี เขาก็เป็นคนดีด้วย จะได้เกิดความรู้สึกอยากคบหาสมาคมได้ ความรู้สึกนี้ต้องหมั่น ปลุก ครับ
4. สามารถรับความไม่สมบูรณ์แบบของมนุษย์คนอื่น ๆ ได้ซึ่งทุกคนก็มีกันทั้งนั้น (รวมทั้งตัวเราเองด้วย) จะได้ไม่เกิดความรู้สึกอคติ รังเกียจ บางคนรังเกียจแม้แต่จะคบกับคนที่มีผิวดำ หรือตัวเตี้ย หรือบางเชื้อชาติก็ไม่คบ ซึ่งจะทำให้เรามีจิตใจแคบมากขึ้น ๆ
5. ให้หัดมองจุดดีให้ตัวคนอื่นออกมาให้เห็นเด่นชัด และให้พยายามมองที่จัดดีเหล่านั้นเอาไว้ เพื่อให้เกิดเป็นความสบายใจที่คุณกำลังจะสร้างความสัมพันธ์กับเขาต่อไป จุดดีนั้นอาจจะเป็นได้ทั้งรูปธรรมและนามธรรมนะครับ
6. ต้องมีการแสดงออกที่เหมาะสม ต้องหัดอีกนั่นแหละครับ บางคนบอกว่าปากร้านใจดีใช้ได้แต่คนไม่ชอบหรอกครับเราชอบคนปากดีใจดีต่างหาก คำพูดนั้นสำคัญที่สุด ต้องพูดให้เป็น สีหน้า ท่าทาง แววตา ก็จะสื่อถึงความจริงใจ การแสดงออกที่เหมาะสมในทางที่ดีนั้นจะเป็นการเน้นถึงความมีค่าในตัวบุคคลที่เรากำลังสัมพันธ์ด้วย
7. การแสดงความมีน้ำใจอย่างจริงใจ อาสาช่วยการงานบางอย่างด้วยความเต็มใจ ข้อนี้สำคัญมากครับ ในข้อที่กล่าว ๆ มาแล้วนั้นอาจจะสร้างความสัมพันธ์ได้ทันทีแต่อาจจะไม่นานนักก็ได้ แต่ข้อที่ว่าความมีน้ำใจนี้ จะทำให้ความสัมพันธ์นั้นอยู่ได้นานแสนนาน
ความมีน้ำใจที่แท้จริงนั้นจะต้องมาจากการที่เรามีศรัทธาต่อเขาอย่างจริงจังด้วย และการมีศรัทธาต่อตัวผู้อื่นนั้นจะเกิดขึ้นจริง ๆ ไม่ได้เลยถ้าหากเราไม่ได้ศรัทธาตัวของเราเองก่อน ที่เราพูดกันว่า ศรัทธาทั่ว ๆ ไปนั้นโดยที่เราไม่ได้ศรัทธาตัวของเราเองด้วยนั้นเป็นการใช้คำพูดเพื่อหวังจะใช้เขาหรือหวังพึ่งเขาก็มีมากครับ พวกที่ชอบพูดคำเหล่านี้ บางทีพอเห็นความ ปกติ ในตัวบุคคลที่เราบอกว่าศรัทธาเข้า ก็จะบอกว่าหมดศรัทธาแล้ว ทำไมช่างหมดง่ายมีง่ายเหลือเกิน ก็เป็นเพราะว่าผู้พูดนั้นไม่ได้ศรัทธาตัวเองก่อนนะซิครับ
แต่ถ้าเราศรัทธาในตัวเราเองก่อน เชื่อมั่นในตัวเรา ช่วยตัวเองได้ รักตัวเองเป็น สิ่งเหล่านี้จะเต็มและล้นปรี่ออกไปจากจิตใจของเราไปสู่บุคคลอื่น ทำให้เกิดความปรารถนาดีที่จะทำบางสิ่งบางอย่างให้กับบุคคลอื่นโดยไม่คำนึงถึงสิ่งตอบแทนว่าเขาจะให้อะไรตอบหรือไม่ แม้แต่การถูกรักตอบหรือชื่นชมตอบก็ตามแต่ แต่คนที่มีศรัทธาต่อตัวเองนั้นจะเกิดความปีติที่ได้ไหลความช่วยเหลือ อาสา จริงใจอย่างสร้างสรรค์ไปยังบุคคลอื่น ด้วยความศรัทธาในการมีชีวิตอยู่และเชื่อว่านั่นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต มิได้ทำไปด้วยความจำเป็นว่าต้องทำ หรือทำขึ้นเพื่อหวังเหรียญตราหรือสิ่งตอบแทนอื่น ๆ (ดังที่เห็น ๆ กันอยู่มากมายในปัจจุบัน นั่นเป็นศรัทธาเทียมครับ)
ผมจึงอยากจะกล่าวว่าศรัทธานี้ จะทำให้มนุษย์คบกันได้นาน ชอบกันได้นาน และแม้แต่รักกันได้นาน ๆ ตลอดไปถึงจากกันไปแล้ว (ไม่ว่าจะตายจากไปหรือจากกันทั้งเป็น ๆ) เราก็ยังมีความรู้สึกที่ดี ๆ ต่อกันอยู่ ก่อให้เกิดกำลังใจในการจะมีชีวิตอยู่ต่อไปและทำหน้าที่ของชีวิตที่ดีตามปกติต่อไป
ศรัทธาที่ผมกล่าวนี้ไม่เกี่ยวกับการเสียเงินหรือบริจาคเงินเลยนะครับ
ขอให้เริ่มจากศรัทธาตัวเองให้ได้ก่อนแล้วจงไหลความศรัทธาไปหาคนอื่น
มนุษย์เราคงจะเกิดความเปี่ยมปีติซึ่งกันและกันได้มากขึ้น ความทุกข์ทั้งหลายที่แลดูมากมายนัก ก็จะแลดูเบาบางลง เมื่อถึงวันนั้น ขอให้ผมได้หวังในสิ่งนี้เถอะครับ
By: น.พ.วิทยา นาควัชระ
ใครอยากเป็นคนแพ้บ้าง?
คงไม่มีใครอยากเป็นคนแพ้หรอกครับ ทุกคนอยากเป็นคนชนะ หลักง่าย ๆ ที่ผมอยากแนะนำก็คือ ถ้าอยากจะสร้างเสน่ห์ให้กับตนเองให้เห็นผลทันตาแล้ว ก็ให้สร้างความสัมพันธ์กับมนุษย์โดยที่ควรรู้จักวิธีการ แพ้ให้เป็น ให้เขาเป็นฝ่ายรู้สึกว่าเขาได้ชนะได้ บ้าง
การแพ้ให้เป็นนั้นไม่ใช่การยอมแพ้อย่างราบคาบ ซึ่งแทนที่เขาจะชอบเราเขาอาจจะสมเพชไปเลยก็ได้ และก็ไม่ใช่การเสแสร้างแพ้ด้วย เพราะเขาจะดูออกและจะกลายเป็นความรู้สึกว่าถูกหลอกลวง แต่การแพ้ให้เป็นนั้น เป็นลักษณะของการที่เราจะต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งมีความรู้สึกชนะได้บ้าง เกิดความประทับใจในความชนะของเขานั้นซึ่งมาจากความสามารถของเขา แต่เราเป็นฝ่ายค้นพบและหยิบยกออกมาให้มองเห็นประจักษ์ต่างหากเล่า เรียกว่าเขาจะรู้สึกว่า คุณเป็นคนมีรสนิยม มีค่า มีความหมายแก่เขาที่ทำให้เขาเกิดความรู้สึกมีความหมายขึ้นมามากขึ้น แล้วเขาจะไม่ชอบคุณก็ให้รู้ไป
ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจศึกษาธรรมชาติและความต้องการของมนุษย์ทั่ว ๆ ไป และความต้องการของบุคคลที่คุณอยากจะสร้างความสัมพันธ์ด้วย และคุณจะต้อง ให้ ความต้องการเหล่านั้นแก่เขาด้วยความเต็มใจ
แน่ละครับ...ความต้องการนั้นคงจะไม่ใช่เงินหรือวัตถุซึ่งเป็นความต้องการทางด้านร่างกายหรอก ซึ่งให้เท่าไรก็ไม่เคยพอ
แต่ถ้าหากเป็นความต้องการทางด้านจิตใจนี่ซิครับเราไม่สามารถจะใช้เงินซื้อ ได้ ฉะนั้นคุณต้องสนใจที่จะให้ความต้องการทางด้านจิตใจแก่คนที่คุณอยากสัมพันธ์ด้วยนะครับ นั่นคือลักษณะการ ยอมแพ้ให้เป็น ครับ
สิ่งที่ควรสนใจใคร่รู้เกี่ยวกับการสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่น
คุณควรรู้ไว้เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในทางสร้างสรรค์นะครับ...คงเป็นประโยชน์แน่ๆ
1. ต้องรู้จักความแตกต่างของมนุษย์ และยอมรับความแตกต่างของมนุษย์เหล่านั้นให้ได้ จะได้เกิดความรู้ระวังตัวว่าเรากำลังจะสร้างความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นที่มีความแตกต่างกันไปแต่ละคณะ และแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันและก็จะ...ไม่เหมือนกับเราเองด้วย เราจะได้เกิดความคล่องตัวในการจะปรับตัวให้เข้ากับบุคคลต่าง ๆ โดยไม่ยึดว่า เขาน่าจะเป็นอย่างนี้ หรือ ทำไมเขาไม่เป็นอย่างนั้น ซึ่งคำตอบก็คือว่า...เป็นเพราะเขาไม่เหมือนกันนะซิครับ
ปัจจัยที่ทำให้คนมีความแตกต่างกันนั้นมีได้ตั้งแต่
ก. เพศ ชายและหญิงจะคิดไม่เหมือนกัน ชอบไม่เหมือนกัน ฝ่ายชายชอบความตื่นเต้น เป็นฝ่ายเสาะแสวงหาของรัก ฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายรักและใฝ่เก็บงำของรัก ลีลาของชีวิตในชายและหญิงจึงแตกต่างกัน
ข. วัย แต่ละวัยก็มีความต้องการแตกต่างกันไป ในวัยเด็กต้องการเล่นสนุก , ในวัยรุ่นต้องการเด่น , ดัง , ในวัยหนุ่มสาวต้องการความก้าวหน้าในชีวิต , ในวัยผู้ใหญ่ต้องการความมั่นคง และ ชื่อเสียงมากขึ้นและในวัยชรานั้นอยากจะอยู่กับความหลัง ฯลฯ ถ้าเรารู้อย่างนี้เสียเราก็จะได้ให้ในสิ่งที่มนุษย์ตามวัยนั้นต้องการได้ จะให้เด็กมาเรียบร้อยแบบผู้ใหญ่ เขาทำไม่ได้หรอกครับและเขาจะไม่ชอบทันทีเพราะเขาไม่ได้ในสิ่งที่เขาอยากได้
ค. การศึกษา ที่ต่างกัน ทำให้คนมีแนวความคิดแตกต่างกันได้ พวกเรียนสูง ๆ อาจคิดอะไร ๆ ที่เป็นนามธรรมได้ลึกซึ้งก็ได้
ง. เศรษฐกิจ ความรวมความจนคนรวยอาจจะมีโอกาสได้สัมผัสบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมแปลก ๆ ได้มากกว่า ได้เดินทางไกล ๆ อาจมีประสบการณ์ชีวิตที่กว้างกว่า
จ. ถิ่นกำเนิด , สิ่งแวดล้อม มีอิทธิพลมาก
ฉ. เชื้อชาติ , ภาษา ก่อให้เกิดความคิด ความเข้าใจที่แตกต่างกันได้มาก
ถ้าเราคอยสังเกต ปัจจัยที่ทำให้คนแตกต่างกันนี้ เราก็จะยอมรับได้ว่า คนทุกคนแตกต่างกันในแทบจะทุกรูปแบบ ตั้งแต่อารมณ์ ความคิด ความถนัด พฤติกรรม ความสามารถ ทัศนคติ รสนิยม สังคม นิสัย สุขภาพ ร่างกาย สุขภาพจิต ลักษณะท่าทาง ฯลฯ
2. ต้องรู้จักความต้องการของมนุษย์ โดยเฉพาะในความต้องการทางด้านจิตใจ เพื่อเราจะได้ให้ในสิ่งที่เขาต้องการนั้นอย่างถูกต้อง เกิดเป็นความพึงพอใจแก่เขา ที่เราสามารถทำให้เขาประจักษ์แก่ตัวเองว่าได้รับในสิ่งที่อยากได้โดยคุณ...ด้วยความเต็มใจ (ไม่ใช่คิดว่าคุณเองก็อยากได้ เขาน่าจะให้คุณก่อน ถ้าคิดอย่างนั้นก็ต้องคอยนานครับ)
ความต้องการเหล่านั้นน่าจะได้แก่
ก. ความอยากเป็นคนถูกต้อง เราต้องให้ความถูกต้องแก่คนอื่น อย่าคอยจับผิด เขาใส่เสื้อใหม่มาก็อย่าคอยบอกว่าสั้นไป หรือยาวไป หรือไปยืมเงินของใครมาซื้อหรือเปล่า จึงเท่ากับคอยจับผิดเขา ให้กล่าวเฉพาะในสิ่งที่ถูกต้องในตัวเขาก่อน ทุกวันนี้เราชินกับการพูดจาจับผิดคนอื่นอยู่เรื่อย ๆ นะครับระวังให้ดี!
ข. ความอยากเป็นคนสำคัญ ใคร ๆ ก็อยากเป็นคนสำคัญ เวลาถ่ายรูปหมู่เรายังอยากดูรูปเราก่อนเพื่อนเลยครับ...จริงไหม? ฉะนั้นจงหาโอกาส ชมคนให้เป็น เพื่อให้เขาเกิดความรู้สึกว่าเขาเป็นคนสำคัญ
ค. ความอยากถูกระลึกถึง จงกล่าวคำบางคำหรือกระทำบางอย่าง เพื่อแสดงว่าคุณระลึกถึงเขา การส่งการ์ดในโอกาสสำคัญ ๆ ของชีวิตของเขาการระลึกถึงบุคคลที่เขารัก ฯลฯ จะทำให้เขารู้สึกว่าเขาถูกระลึกถึงและจะขอบคุณ คุณด้วย
ง. ความอยากได้อิสรภาพ จงให้อิสรภาพในการพูดคุยกัน อย่าซักมากในเรื่องใกล้ ๆ ตัว หรือสิ่งที่เขาอึดอัดไม่อยากบอก
จ. ความอยากได้รับความประทับใจ จงให้โอกาสเขาได้แสดงความเด่นบ้าง สนใจเวลาเขาพูด พยักหน้าเห็นด้วย กล่าวคำอุทานบางคำเพื่อให้เขารู้สึกว่าเขากำลังทำหรือพูดในสิ่งที่ดี ที่ถูก เขาจะประทับใจในการที่คุณให้เขาได้มีโอกาสสร้างความประทับใจครับ
ฉ. ความอยากสนุก เวลาพูดคุยอย่าคุยเรื่องทุกข์ หาเรื่องสนุก ๆ หรือใส่อารมณ์ขันลงไปในการพูดคุยด้วย และอารมณ์ขันนั้นต้องไม่สกปรกนะครับ
ช. ความอยากปลอดภัย จงช่วยเมื่อเขามีทุกข์ อย่าซ้ำเติมคนอื่น จงร่วมทุกข์กับเขาถ้ามีโอกาส
ซ. ความอยากเอาชนะอุปสรรค จงให้กำลังใจคนบ้าง โดยเฉพาะกับคนที่กำลังผิดหวัง
3. มีความปรารถนาดี ต่อบุคคลทั่ว ๆ ไป ต้องหัดเอาไว้นะครับ หัดมองคนให้ดี ให้คิดว่า เราก็เป็นคนดี เขาก็เป็นคนดีด้วย จะได้เกิดความรู้สึกอยากคบหาสมาคมได้ ความรู้สึกนี้ต้องหมั่น ปลุก ครับ
4. สามารถรับความไม่สมบูรณ์แบบของมนุษย์คนอื่น ๆ ได้ซึ่งทุกคนก็มีกันทั้งนั้น (รวมทั้งตัวเราเองด้วย) จะได้ไม่เกิดความรู้สึกอคติ รังเกียจ บางคนรังเกียจแม้แต่จะคบกับคนที่มีผิวดำ หรือตัวเตี้ย หรือบางเชื้อชาติก็ไม่คบ ซึ่งจะทำให้เรามีจิตใจแคบมากขึ้น ๆ
5. ให้หัดมองจุดดีให้ตัวคนอื่นออกมาให้เห็นเด่นชัด และให้พยายามมองที่จัดดีเหล่านั้นเอาไว้ เพื่อให้เกิดเป็นความสบายใจที่คุณกำลังจะสร้างความสัมพันธ์กับเขาต่อไป จุดดีนั้นอาจจะเป็นได้ทั้งรูปธรรมและนามธรรมนะครับ
6. ต้องมีการแสดงออกที่เหมาะสม ต้องหัดอีกนั่นแหละครับ บางคนบอกว่าปากร้านใจดีใช้ได้แต่คนไม่ชอบหรอกครับเราชอบคนปากดีใจดีต่างหาก คำพูดนั้นสำคัญที่สุด ต้องพูดให้เป็น สีหน้า ท่าทาง แววตา ก็จะสื่อถึงความจริงใจ การแสดงออกที่เหมาะสมในทางที่ดีนั้นจะเป็นการเน้นถึงความมีค่าในตัวบุคคลที่เรากำลังสัมพันธ์ด้วย
7. การแสดงความมีน้ำใจอย่างจริงใจ อาสาช่วยการงานบางอย่างด้วยความเต็มใจ ข้อนี้สำคัญมากครับ ในข้อที่กล่าว ๆ มาแล้วนั้นอาจจะสร้างความสัมพันธ์ได้ทันทีแต่อาจจะไม่นานนักก็ได้ แต่ข้อที่ว่าความมีน้ำใจนี้ จะทำให้ความสัมพันธ์นั้นอยู่ได้นานแสนนาน
ความมีน้ำใจที่แท้จริงนั้นจะต้องมาจากการที่เรามีศรัทธาต่อเขาอย่างจริงจังด้วย และการมีศรัทธาต่อตัวผู้อื่นนั้นจะเกิดขึ้นจริง ๆ ไม่ได้เลยถ้าหากเราไม่ได้ศรัทธาตัวของเราเองก่อน ที่เราพูดกันว่า ศรัทธาทั่ว ๆ ไปนั้นโดยที่เราไม่ได้ศรัทธาตัวของเราเองด้วยนั้นเป็นการใช้คำพูดเพื่อหวังจะใช้เขาหรือหวังพึ่งเขาก็มีมากครับ พวกที่ชอบพูดคำเหล่านี้ บางทีพอเห็นความ ปกติ ในตัวบุคคลที่เราบอกว่าศรัทธาเข้า ก็จะบอกว่าหมดศรัทธาแล้ว ทำไมช่างหมดง่ายมีง่ายเหลือเกิน ก็เป็นเพราะว่าผู้พูดนั้นไม่ได้ศรัทธาตัวเองก่อนนะซิครับ
แต่ถ้าเราศรัทธาในตัวเราเองก่อน เชื่อมั่นในตัวเรา ช่วยตัวเองได้ รักตัวเองเป็น สิ่งเหล่านี้จะเต็มและล้นปรี่ออกไปจากจิตใจของเราไปสู่บุคคลอื่น ทำให้เกิดความปรารถนาดีที่จะทำบางสิ่งบางอย่างให้กับบุคคลอื่นโดยไม่คำนึงถึงสิ่งตอบแทนว่าเขาจะให้อะไรตอบหรือไม่ แม้แต่การถูกรักตอบหรือชื่นชมตอบก็ตามแต่ แต่คนที่มีศรัทธาต่อตัวเองนั้นจะเกิดความปีติที่ได้ไหลความช่วยเหลือ อาสา จริงใจอย่างสร้างสรรค์ไปยังบุคคลอื่น ด้วยความศรัทธาในการมีชีวิตอยู่และเชื่อว่านั่นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต มิได้ทำไปด้วยความจำเป็นว่าต้องทำ หรือทำขึ้นเพื่อหวังเหรียญตราหรือสิ่งตอบแทนอื่น ๆ (ดังที่เห็น ๆ กันอยู่มากมายในปัจจุบัน นั่นเป็นศรัทธาเทียมครับ)
ผมจึงอยากจะกล่าวว่าศรัทธานี้ จะทำให้มนุษย์คบกันได้นาน ชอบกันได้นาน และแม้แต่รักกันได้นาน ๆ ตลอดไปถึงจากกันไปแล้ว (ไม่ว่าจะตายจากไปหรือจากกันทั้งเป็น ๆ) เราก็ยังมีความรู้สึกที่ดี ๆ ต่อกันอยู่ ก่อให้เกิดกำลังใจในการจะมีชีวิตอยู่ต่อไปและทำหน้าที่ของชีวิตที่ดีตามปกติต่อไป
ศรัทธาที่ผมกล่าวนี้ไม่เกี่ยวกับการเสียเงินหรือบริจาคเงินเลยนะครับ
ขอให้เริ่มจากศรัทธาตัวเองให้ได้ก่อนแล้วจงไหลความศรัทธาไปหาคนอื่น
มนุษย์เราคงจะเกิดความเปี่ยมปีติซึ่งกันและกันได้มากขึ้น ความทุกข์ทั้งหลายที่แลดูมากมายนัก ก็จะแลดูเบาบางลง เมื่อถึงวันนั้น ขอให้ผมได้หวังในสิ่งนี้เถอะครับ
By: น.พ.วิทยา นาควัชระ
skupload :: Cafe เรื่องทั่วไป อยากเล่าอยากบอกอะไร ได้ที่นี่ :: ความรัก ทิป เรื่องโชคดี เรื่องเล่า อะไรสนุกๆ ที่นี่
เธซเธเนเธฒ 1 เธเธฒเธ 1
Permissions in this forum:
เธเธธเธเนเธกเนเธชเธฒเธกเธฒเธฃเธเธเธดเธกเธเนเธเธญเธ